คืนเข้าค่ายที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

คืนเข้าค่ายที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ4ปีที่แล้ว ตอนนั้นจขกท.อยู่ม.4 มีการเข้าค่ายพักแรมปกติ (จขกท.เรียน บพ.นะ พึ่งมีเป็นรุ่นที่2 ยังมีคน
น้อยอยู่นะตอนนั้น เค้าให้เลือกโดยสมัครใจว่าจะเรียนบพ.หรือลูกเสือ จขกท.ไม่ชอบคนเยอะเลยเลือกเรียน บพ. ไม่รู้อะไรเลยพึ่ง
เข้ามาเรียนต่อม.4 เรียนลูกเสือสบายกว่า บพ.  แต่เข้ามาเรียนแล้วไง อย่าบ่น. แค่ต้องเข้ากิจกรรมทุกอาทิตย์เอง) การเข้าค่ายจัด
ขึ้น 2 วัน 1 คืน (ลูกเสือม.ปลายไม่มีค้างคืน )ปีนี้จัดที่โรงเรียน เป็นโรงเรียนมัธยม

เปิดค่ายมาก็เข้ากิจกรรมตามฐานต่างๆ ก็สนุกสนานกันไป จนตอนเย็นก็เข้ามาในโรงเรียน จัดแจงกางเต๊น (มี 4 กลุ่ม กลุ่มละ 9-10
คน) แยกไปทำกับข้าวบ้าง แล้วก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้ากิจกรรมรอบกองไฟ ลืมบอกไป เราเข้าค่ายพร้อมกับลูกเสือม.ต้น แต่แยก
กัน อยู่คนล่ะส่วนกัน ลูกเสืออยู่ตึก 5 เราอยู่หน้าตึก 2 แต่กิจกรรมรอบกองไฟจะจัดด้วยกัน เพราะคนเราน้อย ก็ไม่มีอะไร

ด้วยความที่เราอยู่กับเพื่อนๆกันเอง เราก็จะเล่น แกล้ง หลอกเพื่อน ด้วยความสนุกปาก เราคุยกันถึงเรื่องผีๆ แต่ไม่ได้จริงจังอะไร
หลอกๆเพื่อนเอาสนุก ส่วนตัว จขกท.เป็นคนชอบเรื่องผี ฟัง ดู แต่ไม่ชอบเจอ ก่อนเข้ากิจกรรมรอบกองไฟ มันก็ค่ำๆ แล้วล่ะ พอมี
เวลาเหลืออยู่ รุ่นพี่ก็เปรยๆเรื่องเล่าโรงเรียนเรามีเรื่องตึกไหนบ้าง อันไหนเค้าเคยเจอ เต๊นที่เรากางจะอยู่ระหว่างตึกเนาะ ข้างหน้า
เป็นตึก 1 เราจะกางติดตึก 2 ห้องน้ำจะมีข้างตึก 1 ซ้ายมือ และก็หลังตึก 2 ขวามือ แต่ทางนั้นจะมืดมาก น่ากลัวกว่าข้างหน้าเป็นแน่แท้

ความน่ากลัวของพลังงานบางอย่างที่เราไม่อาจรู้และมองเห็นได้ ที่ถูกเล่าปากต่อปาก จริงเท็จแค่ไหนไม่อาจรู้ได้ ความน่ากลัว
ก็ตามลำดับเลขตึกเลย อันไหนถูกสร้างก่อน ก็มีเสียงเล่าลือมากหน่อย สิ่งหนึ่งของสถานที่นี้ที่ถูกเล่ามา คือลานประหารเก่าหรือ
เคยรบกันอะไรไม่แน่ใจนัก เราก็ฟังพี่เค้าอย่างใจจดใจจ่อ แต่พี่แกไม่ได้เล่าไรมาก อาจเพราะไม่อยากให้เรากลัว เราเข้ากิจกรรมที่
สนามหน้าเสาธง เสร็จประมาณ 5 ทุ่มได้ เราก็กลับเต๊นหน้าตึก 2 ระหว่างทางมันก็มืดๆ ปากหมาครับ สนุกปาก ก็แกล้งๆ บอก
เห้ย!! ระวัง เพื่อนเราก็ชะงัก เราก็บอก ระวังสดุด ก็ไม่ได้เอ่ยถึงผีนะ ประมาณแกล้งๆ แหย่ให้กลัวไปงั้น เพราะเราเองก็ไม่คิด
ลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น เพียงแค่หยอกๆเพื่อน ให้กลัวเล่น แต่ใครจะรู้ว่าบางทีก็ไม่น่าเล่นแบบนี้ ไม่ได้บอกระวังผีหลอกหรือแกล้งมากมายสักหน่อยเนอะ ใช่ป่ะ

เวลาตอนนั้น ยังไม่เที่ยงคืนดี แยกย้ายเข้าเต๊น…ระหว่างเราแยกย้ายนั้น อาจารย์ที่คุมพวกเราจะมีกัน 4 คน ผู้หญิงหมดเลย อาจารย์ก็ให้เวลาไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง แล้วให้พี่ดูแลน้อง เช็คสมาชิกกลุ่ม จะไปไหนต้องบอกพี่และชวนเพื่อนไป เพื่อความปลอดภัย ถึงจะเป็นที่ๆเราคุ้นเคยก็ตาม เต๊นนั้นจะกางอยู่หน้าตึก2 พอนึกตึกเรียนออกไหม มันจะมีบันได 2 ฝั่ง

เข้ามาแรกๆก็สวดมนต์ก่อนเลยขอเค้าก่อนมานอนทับที่ใครเปล่าไม่รู้ พอลงนอนก็คุยเล่นกัน แต่มีรุ่นพี่แกคุยว่าเห็นอะไรกันไม่รู้ เราก็อยากรู้เนาะ แต่พี่แกไม่เล่า บอกให้รุ่นน้องนอน ได้ยินอะไรห้ามทัก เราก็คิดในใจ คนยังพลุกพล่านอยู่เลย พี่แกหลอกเราเปล่าวะ เราก็นอนคุยเบาๆกับเพื่อน บอกนอนไม่หลับ ถึงตอนนั้นจะเป็นหน้าหนาว แต่ร้อนมาก คุยไปสักพักพี่แกก็บอกให้นอน เราก็เลยเลิกคุยกัน เรานอนไม่หลับ ก็เลยมองนู่มองนี่ไป สังเกตุพี่คนที่เป็นหัวหน้าหมู่แกก็ไม่หลับ ดูแปลกๆ เราก็ไม่ได้สนใจไร ตอนนั้นเราไม่ได้คิดไรเลย ไม่ได้กลัวเลย อุ่นใจในนี้คนเยอะ ไม่น่ากลัวไร

นอนไปเราก็เผลอหลับตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีตอนรู้สึกปวดที่ข้อเท้า อยู่ๆมันก็ปวดจี๊ดขึ้นมาเลย ปวดเหมือนกระดูกจะแตก ตอนแรกคิดว่าตะคริวกิน เพราะเรานอนตะแครงทับขา เราเลยขยับเป็นท่านอนหงาย นอนไปสักพักเหมือนจะเบา เลยเคลิ้มๆจะหลับต่อ อยู่ๆก็ปวดจี๊ดขึ้นมาอีก เป็นประมาณ 2-3 ครั้ง คราวนี้งงเลย เป็นอะไรอ่ะ แปลกๆละ ไม่เคยเป็นมาก่อน คือตอนนั้นง่วงแล้ว กว่าจะหลับไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แล้วมันก็เบา พอจะหลับ ปวดอีกละ ณ ตอนนั้นไม่รู้ใช้เวลาเท่าไรที่จะหลับแล้วปวดจนตื่นอีก ด้วยความดึกแล้ว อากาศหนาวๆเลยดึงผ้ามาห่ม ดูในเต๊นมีใครตื่นมั่ง ไม่มีใครตื่นเลย ผ้าก็ผืนบาง หนาวมากตอนนั้น เงียบมากด้วย คิดในใจเค้าคงหลับหมดแล้วแหละ เลยนอนเล่นไป ในเมื่อจะหลับแล้วปวดทุกครั้ง ไม่หลับแล้วก็ได้วะ

ตอนนั้นดูนาฬิกา ซึ่งเป็นเวลา ตี2ครึ่ง มั่นใจแน่นอนแล้วตอนนั้น โดนเข้าแล้วไง ไม่มีใครตื่นด้วย จขกท.เลยเอาผ้ามาคลุมโปรงเลย กลัวๆ มือก็กำสร้อยที่คอ เราห้อยท้าวเวชสุวรรณ เราก็สวดมนต์ ท่องคาถาทุกอย่างที่นึกออก เหมือนเค้าจะรู้ว่าเรารู้แล้วว่าเค้าไม่ใช่คน เสียงมันดังชัดมากขึ้น ก้องอยู่ในหู เราก็กำสร้อยแน่นเลย ท่องๆไปด้วย มันเหมือนยิ่งดังขึ้นๆ จากเสียงคนเดินตอนแรก ซึ่งเงียบไปแล้วกลับมีเสียงขึ้นมาอีก คราวนี้ดังเหมือนลากโซ่ไปด้วย ดังอยู่อย่างนั้น แล้วมาหยุด วนรอบเต๊นที่จขกท.นอน กลัวเค้าจะเข้ามาหาเรา

เสียงคุยกันก็ดังขึ้นๆ ชัดมากในหู อุดหูก็ยังได้ยิน ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ แต่คราวนี้เป็นเสียงหัวเราะชอบใจ หัวเราะเหมือนสนุกสนาน สะใจทำนองนั้น ทุกเสียงมันมาพร้อมกัน ดังอยู่อย่างนั้น เราสวดมนต์ก็แล้ว ขอโทษเค้าก็แล้ว บอกมาขอนอนคืนนึง อย่ามาหลอกกันเลย ก็ไม่หยุด จนเราเริ่มโมโหแล้ว มันนานเกินไปแล้วนะ จะหลอกอะไรนักหนา แต่ก็มีกลัวๆอยู่ ไม่กล้าว่าไรแรง กลัวเค้าโกรธ ฟังอยู่อย่างนั้นนานมาก ฟังจนหายกลัว ง่วง หงุดหงิดแล้ว จะหลับก็จะปวดจี๊ดที่ข้อเท้าจนเราตื่นทุกครั้ง เลยนอนฟังอยู่อย่างนั้น จนฝนตกกลบเสียงพวกนั้นไป เราจึงได้หลับก็ตอนนั้น

พอเช้ามาเค้าก็คุยกัน เราเลยถามรุ่นพี่ ได้ยินอะไรมั่งไหม เค้าบอกได้ยินทั้งคืนเลย กะทงกะทะดังตลอด คือ..ใช่หรอ ได้ยินแค่กะทะดังกันเองหรอ เพื่อนเราที่อยู่กลุ่ม1,3 บอกว่ามันเข้าไปนอนกับอาจารย์กันตอนดึกๆ แล้วไม่ได้บอกเรา นอนกันอยู่2กลุ่ม ซึ่งอแลว่าเต๊นข้างๆเราไม่มีใครนอน หึหึ เราไม่ได้บอกรุ่นพี่หรอก มาเล่าให้แค่เพื่อนฟัง มันบอกไม่ได้ยินไรเลย หลับสบายมาก ก็แน่ล่ะกรนดังข้ามเต๊นซะขนาดนั้น..

จบไปแล้วสำหรับบทความ คืนเข้าค่ายที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง

เรื่องเล่าสยองขวัญ สมัครสล็อตxo

Related Posts