อย่ารับปากถ้าจะ ผิดคำพูด
ผิดคำพูด เรื่องราวที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าต่อ ๆ กันมาในครอบครัวของแฟนดิฉัน ซึ่งเป็นเรื่องของผีโรงหรือผีบรรพบุรุษ แต่ละครอบครัวจะมีไม่เหมือนกัน บางครอบครัวก็มี บางครอบครัวก็ไม่มี
ซึ่งโดยปกติแล้วดิฉันเป็นคนไม่ค่อยเชื่องเรื่องพวกนี้สักเท่าไร เรื่องผีๆ สางๆแต่พอได้เจอกับผีโรงแล้ว ก็ทำให้ดิฉันเชื่อมาโดยตลอด เพราะว่าสิ่งที่เราไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง
แฟนของดิฉัน ชื่อ นาจ เขาเป็นคนอีสาน ส่วนตัวดิฉันเองเป็นคนใต้เราบังเอิญได้เจอกัน ตอนที่ดิฉันย้ายมาอยู่จังหวัดเดียวกับ นาจ ตอนแรกทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติธรรมดา เราก็คบกัน เรียนรู้กันให้รู้จักกันมากขึ้น
เราก็ศึกษาวัฒนธรรมต่างภาคกันอย่างเข้าอก เข้าใจจึงทำให้เราปฏิบัติให้กันและกันอย่างเข้าอกเข้าใจเวลาผ่านไปเร็วมาที่เราคบกัน ซึ่งปีนั้นฉันจำได้ดีเพราะมันเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว
คืนนั้นเป็นคืนที่ถัดจากวันเกิด นาจ มาเพียงหนึ่งคืนและ ฉันก็ออกมาทำงานที่ต่างจังหวัดเราก็ได้โทรคุยกันในช่วงหัวคำ นาจ บอกกับฉันว่าเขารู้สึกไม่ค่อยสบายอีกทั้งหายใจไม่ค่อยออก
ฉันเลยบอกให้เขาไปหาหมอ เขาก็ไม่ยอมไปฉันเลยคะยั้นคะยอให้เขาไปให้ได้ นาจเองก็รับปากว่าเขาจะไปหลังจากนั้นก็วางสายไปคะ เวลาผ่านไปถึง 4 ทุ่มกว่าๆแล้วฉันก็ยังไม่ได้รับข้อความ หรือโทรกลับใดๆ จาก นาจเลย
ฉันเป็นกังวนมาก ฉันเลยโทรหา นาจ หลายต่อหลายสายและส่งข้อความไปหาอีกหลายครั้งก็ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมาเลยฉันจึงต้อง ฉันจึงจำเป็นโทรไปหาแม่ของ นาจ ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะโทรสักเท่าไร
เพราะแม่ของนาจ แกไม่ค่อยชอบฉันถึงแม้ว่าจะโทรหาแม่ของ นาจ ติดแต่ก็ไม่มีคนรับสายอยู่ดี ทำให้ฉันคิดไปเองทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ฉันเลยตัดสินใจขับรถกลับจากต่างจังหวัดทันที
จริงๆแล้วฉันต้องกลับพรุ่งนี้ ฉันมาถึงที่บ้านของนาจก็เกือบเช้าแล้วและฉันก็ไม่เจอใครที่บ้านเลยคะ ฉันพยายามกดกริ่งที่หน้าบ้าน และเรียก นาจ แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับจนมีคุณป้าข้างบ้าน ซึ่งนาจเคยบอกฉันอยู่เหมือนกันว่าเป็นบ้านของญาติเขาเอง
มาทำอะไรหรอนางหนู! หนูมาหานาจ คะนาจอยู่ไหมคะ ป้าคนนั้นก็มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าให้ฉันและพูดว่า ไม่อยู่หรอกเค้าไปวัดกัน!
พอได้ยินคำว่าวัด ใจฉันก็ก็ล่มไปอยู่ที่พื้นทันที และป้าเองก็คงสังเกตเห็นอาการของฉันเลยรีบพูดต่อ เพื่อไม่ให้ฉันคิดไปไกลกว่านี้ ไม่ได้มีคนตาย แต่น่าจะมีผีเข้า!
ถึงไม่ได้มีคนตายแต่คำว่าผีเข้าก็ทำเอาฉันอึ้งไม่ต่างกันคะ ฉันยังไม่ทันได้ถามอะไรต้อป้าก็เดินกลับเข้าบ้านไปฉันเดินกลับขึ้นรถไป กะว่าจะนอนพักสายตาระว่างรอทุกคนกลับมาบ้าน
แต่พอขึ้นรถมาได้ไม่นานยังไม่ถึง 10 นาที ด้วยซ้ำรถของนาจก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ฉันเลยรีบลงไปหาแม่ของนาจ กำลังพยุงนาจลงจากรถก็หันกลับมามองฉันด้วยสีหน้า ที่ไม่ค่อยพอใจนัก
ฉันยกมือไหว้แม่ นาจ ก่อนจะพูดทักทาย สวัสดีคะคุณน้า สบายดีหรือเปล่าคะนาจเป็นอะไรหรอคะ! แม่ของนาจไม่ได้พูดอะไร ฉันเลยช่วยเข้าไปพยุงนาจ แต่จู่ๆ นาจก็ดิ้นไม่ยอมให้ฉันแตะตัว ปล่อยกู ปล่อยกู ! นาจดิ้นแรงมาก
ฉันโดนเขาผลักออกไปให้อยู่ห่างๆอย่างแรง จนล้มลงด้วยมือเดียวของ นาจฉันข่อนข้างตกใจอยู่เหมือนกันคะ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ป้าข้างบ้าน ก็ออกมาช่วยจับนาจอีกแรง
ป้าพูดว่า มันยังไม่หายอีกหรอเอง! แม่ตอบว่ายังเลยสงใสต้องพาไปหาหลวงพ่ออีกรอบ!
ป้าข้างบ้านก็หันมามองฉัน ก่อนจะใช้ฉันไปรับหลวงพ่อมา หนูไปนิมนต์ หลวงพ่อมาเดียวนี้เลยนะ! พอพูดจบป้าแกก็ตะโกนเรียกหลานให้ออกมาช่วยพานาจเข้าไปในบ้านฉันยืนมองดูด้วยความตกใจ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
กว่าจะรวบรวมสติได้ว่าต้องทำอะไรบ้างก็หลายนาทีเหมือนกัน ฉันขับรถออกมาจากบ้านของนาจโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวัดอยู่ที่ไหนอาใสถามทางจากชาวบ้านที่เริ่มตื่นนอนกันแล้ว เมื่อฉันไปถึงวัดก็เห็นพระออกมาบิณฑบาตรพอดี
ฉันเลยรับลงไปถามว่าหลวงพ่อท่านอยู่ที่ไหน มีพระรูปหนึ่งบอกว่าหลวงพ่อท่านออกไปบิณฑบาตรก่อนแล้ว ถ้ารีบตามไปก็หน้าจะเจอเพราะคงเดินไปไม่ได้ไกลเท่าไร ฉันรับขึ้นรถไปแล้วขับไปตามทาง ก็เจอกับหลวงพ่อที่เดินกับเด็กวัดคนหนึ่ง
พอกลับมาถึงบ้านของนาจเวลาก็เริ่มเช้าแล้ว ฉันรีบพาหลวงพ่อเข้าไปที่บ้านนาจทันทีในตอนนั้นฉันยังเห็นนาจดิ้นไปมาไม่ยอใหยุด
แขนที่ถูกจับเอาไว้ก็เต็มไปด้วยจ้ำสีแดงจากคนที่มาช่วยกันจับเพื่อไม่ให้นาจดิ้นแรงไปกว่านี้
หลวงพ่อพูดว่า ยังไม่ไปอีกหรือโยม ! นาจตอบว่า กูไม่ไปกูจะเอามันไปอยู่ด้วย!
นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ฉันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้เจอกับตัวเอง นุช ออกจากน้องเถอะลูก!
อยู่ดีๆแม่ของนาจก็พูดขึ้นมา ฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องอขงพี่นุชมาบ้างนาจเลยเล่าให้ฉันฟังว่า พี่นุชเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาจ ซึ่งเสียไปนานแล้วแต่ด้วยความที่พี่นุชกับนาจสนิตกันมาก
พี่นุชเลยมักจะมาอาใสนาจ เพื่อสื่อสารกับคนในครอบครัวอยู่เสมอ แต่พี่นุชไม่เคยเข้ามาในรูปแบบการเข้าสิงแบบนี้
ตอนแรกที่นาจเล่าให้ฉันฟัง ฉันเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนักแต่พอเจอด้วยตัวเองแบบนี้ ฉันก็เชื่ออย่างสนิตใจเลยคะ กูไม่ใช่นุช กูไม่ใช่!
ทุกคนที่อยู่ที่ นั้นต่างหันมามองกัน และ ตกใจไม่ต่างกัน โยมเป็นใครแล้วต้องการอะไรหละ! ในตอนนั้นที่มีแต่ หลวงพ่อเท่านั้น ที่พูดอย่างใจเย็น และ มีท่าทางสงบ นิ่งอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนั้นที่มีแต่ หลวงพ่อเท่านั้น ที่พูดอย่างใจเย็น และ มีท่าทางสงบ นิ่งอย่างเห็นได้ชัด
นาจที่ดิ้นอยู่ไปมา ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มอง ไปที่หลวงพ่อ ด้วยแววตา ท่าทางที่ดุดัน ผิดกับนาจ คนที่ฉันเคยรู้จัก
โยมกลับไปเถอะอย่ามาเบียดเบียนเขาเลย! หลังจากนั้นหลวง พ่อก็สวดอะไรสักอย่างซึ่ง ฉันฟังไม่ถนัดนักและไม่คุ้นกับบทสวดนี้
หลังจากที่หลวงพ่อสวดจบ นาจของส่งเสียง ร้องดังมากก่อนจะเงียบและสงบลง ขนแขนของ ฉันลุกตั้งไปทั้งแขน ฉันเลยรีบเข้าไปช่วยแม่ และป้าพยุงนาจ เดี๋ยวมันก็มาอีกแม่ของนาจ
พูดขึ้นมาแบบนั้น อาตมาช่วยได้แค่นี้ ถ้านอกเหนือจากนี้ก็จะเกินกิจของสงฆ์ไปมากแล้วนะโยม!
ฉันอยู่รอที่บ้านของนาจ จนนาจได้สติมาเต็มร้อย ฉันจึงเอ่ยถามทันทีด้วยความห่วง ว่าเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่นาจไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่มองหน้าฉันแล้วถามหาแม่ของเขาก็เท่านั้น
แม่ของนาจเข้ามาบอกฉันให้กลับไปก่อน ฉันลังเลใจอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจกลับไปแต่ก่อนกลับฉันเข้าไปคุยกับนาจ
เล็กน้อยและบอกว่าฉันจะมาใหม่ในช่วงเย็นใหม่ นาจมองหน้าฉันแล้วเหมือนจะร้องไห้ ฉันมองหน้าเขาด้วยใจหวิวๆ
เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ ไม่ดีกำลังจะเกิด ขึ้นกับเขา ผมขอโทษนะคับ! เมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ่งทำให้ฉันสงใสว่าของโทษ ฉันทำไม แต่ก็ไม่ทันได้คุยต่อ แม่ของนาจก็รีบพูดให้ฉันกลับไปสะก่อน

ตอนฉันเดินออกไปยืนอยู่หน้าบ้าน ก็เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่ง มายืนด่อมๆมองๆ ขอโทษนะคะฉันมาหานาจ นาจอยู่หรือเปล่าคะ!
ฉันมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งก็พอจะนึกออก ว่าเขาคือเพื่อนร่วมงานของนาจ อยู่คะ แต่ว่าตอนนี้นาจไม่ค่อยสบายนะ!
พอฉันพูดจบ เขาก็ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้ามา โดยที่เจ้าของบ้านยังไม่อนุญาต ไม่สบายมากเลยหรือคะฉันขอเข้าไปดูนาจหน่อยนะคะ! เธอเดินผ่านฉันไปและดูคุ้นเคยมากกว่าฉันเสียอีก
เธอเดินผ่านฉันไปและดูคุ้นเคยมากกว่าฉันเสียอีกฉันยืนมองเขาเดินเข้าไปในบ้านสักพัก ก็ได้ยินเสียงพูดคุยในบ้าน แต่ก็ได้ยินไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรนัก ฉันกลับออกมาจากบ้านของนาจ
ก็มีความรู้สึกที่แปลกออกไปโดยที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงพูดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ว่ามันคืออะไร..
ฉันกลับมาถึงบ้านด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งคืน ฉันจึ่งหลับไปอย่างง่ายดายที่โซฟาและหลับลึกมาก จึ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาดูเวลาก็เย็นมากแล้ว โทรศัพท์ของฉันก็สั่นขึ้น หลังจากที่ตื่นได้ไม่นาน
เลยมองดูสายเข้าก็เห็นเป็นเบอร์นาจที่โทรเข้ามา คุณผมขอโทษนะคับ ผมของโทษ!!! นาจคุณเป็นอะไร ของโทษฉันทำไมเรื่องอะไร นาจ นาจ ได้ยินไหม ? หลังจากนั้นเขาก็ตัดสายฉันทิ้งไป
ฉันพยายามโทรกลับหานาจเท่าไรแต่ก็ไม่ติดขึ้นว่าสายไม่ว่างอยู่ตลอดเวลาตอนนั้นฉันเริ่มใจคอ ไม่ดีแล้วคะเลยกลับไปบ้านของนาจอีกครั้ง พอฉันไปถึงบ้านของนาจก็ค่ำแล้ว
ทั้งบ้านปิดไฟเงียบสนิท แม้แต่ข้างบ้านที่เป็นบ้านญาติก็เงียบสนิท ฉันยืนรออยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจโทรหาแม่ของนาจดู ถึงจะรู้ว่าแกไม่ค่อยชอบฉันเอามากๆถึงแม้ฉันจะเป็นคนใต้ แต่ฉันก็เป็นลูกครึ่งไทยจีน
จึงทำให้อะไรหลายๆอย่างของฉันกับนาจ ต้องปรับต้องจูนกันในหลายๆเรื่อง โทรครั้งแรกแม่ของนาจไม่ได้รับสายฉัน แต่พอครั้งที่ 3 แม่ของนาจก็ยอมรับสาย ฮัลโหล! สวัสดีคะคุณน้านาจเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะพอดีหนูมาที่บ้านแล้วไม่เจอใคร! ปลายสายนั้นเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจนฉันเริ่มใจคอไม่ดีมากกว่าเดิม
ฮัลโหล! ได้ยินมั้ยคะ แม่ตอบว่ามาที่โรงพยาบาลสิ!!!!! หลังจากที่ฉันได้ยินว่าให้ไปโรงพยาบาลแล้วฉันยิ่งสับสนมากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็รับคำก่อนจะวางสาย
พอมาถึงโรงพยาบาลก็วุ้นวายพอสมควรเหมือนกับว่ามีอุบัติเหตุใหญ่ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆคะ
มีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้นกับนาจแล้วก็ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับเขาด้วย ตอนนั้นฉันรู้สึกแย่เอาๆ กลัวว่านาจจะเป็นอะไรไปแล้วเขาก็ได้จากฉันไปจริงๆ
นาจจากฉันไปตั้งแต่วันนั้นพร้อมเพื่อนร่วมงาน แต่คนอื่นๆที่ไปด้วยกันนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรนักเหมือนกับทั้งสองคนที่จากไปฉันเสียนาจไปโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จนกระทั้งแม่ของนาจได้เข้ามาคุยกับฉันในวันสุดท้ายที่พวกเรากำลังจะไปส่งนาจสู่ภพภูมิที่ดีย่าถือโทษ โกรธนาจมันเลยนะ!! ในขณะที่ฉันมองโรงศพนาจอยู่ก็หันไปมองหน้าแม่ของนาจทันที
หนูต้องโกรธอะไรนาจหรอคะ !! หนูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นาจขอโทษหนูเขาขอโทษเรื่องอะไร
แม่ของนาจถอนหายใจยาวๆให้ฉันได้ยินอย่างชัดเจนไม่นานนักท่านก็เล่าถึงเรื่องราวให้ฉันได้ฟังอย่างที่ฉันไม่เคยได้คาดคิดมาก่อน
ย้อนกลับไปตอนก่อนหน้าที่ฉันได้มีโอกาศได้มาที่บ้านของนาจเพื่อเข้าร่วมพิธีบวงสรวงกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านในตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าฉันได้กราบไหว้ผีโรงประจำบ้านของนาจไปแล้ว
ในตอนนั้นฉันรักนาจมากๆจึ่งถือโอกาศคุยถึงเรื่องของนาจในอนาคตและอยากจะขอโอกาศให้แม่ลองเปิดใจ
แต่แม่ของนาจนั้นไม่ค่อยชอบฉันท่านจึงไม่ได้ตอบอะไรฉันกลับมานอกเสียจากว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง
และก่อนกลับในวันนั้นนาจเองก็เอ่ยปากสัญญากับฉันว่าตราบใดที่ฉันไม่เปลี่ยนไปนาจก็จะไม่เปลี่ยนไปเช่นกัน นั้นวันทำพิธีนั้นผีโรงก็คงจะได้ยินเข้า เลยกลายเป็นคำมั่นสัญญาโดยที่เราก็ไม่ทันได้ตั้งใจ
และด้วยความที่นาจยังเด็ก และอายุห่างจากฉันมากนาจที่เพิ่งเข้าทำงานได้ไม่นาน ก็มีผู้หญิงมาติดพันธ์ซึ่งนั้นก็คือเจนผู้หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมงานของนาจ
เรื่องของเจนนั้นฉันไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั้งนาจจากไป ฉันเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย ว่านาจจะแบ่งใจให้ใครอีกคน
ทั้งๆที่ฉันก็ดีกับเขามากแต่คงเป็นเพราะความใกล้ชิตจึ่งทำให้คนเราเผลอใจกันได้
และเมื่อนาจเปลี่ยนใจจากฉันไปกระทันหันแล้วผีโรงก็คงจะเกลียดชัง และโกรธมากหากใครที่กราบไว้เป็นคนไม่ซื่อสัตย์กับความรักท่านก็จะตามมาเอาชีวิตทั้งคนที่ไม่ซื่อสัตย์และคนที่มาทำให้ความรักคนอื่นพังลง
แม่ของนาจเล่าให้ฉันฟังทั้งหมดและทิ้งท้ายไว้อีกว่า ฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้แต่ขอแค่อย่างเดียวว่าอย่าให้ฉันโกรธและเกลียดนาจเลยเพราะแค่นี้นาจก็คงเสียใจมากอยู่แล้ว
และทิ้งท้ายไว้อีกว่า ฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้แต่ขอแค่อย่างเดียวว่าอย่าให้ฉันโกรธและเกลียดนาจเลยเพราะแค่นี้นาจก็คงเสียใจมากอยู่แล้ว
ผิดคำพูด ฉันอยากให้เรื่องนี้เป็นอุธาหอนให้ใครหลายๆคน ว่าสิ่งศักสิทธิ์ที่เรากราบไหว้และเคารพบูชาอยู่นั้นหากได้ให้คำมั่นสัญญาอะไร
ไปแล้วก็จงรักษาคำมั่นนั้นเอาไว้ให้ดี เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นเขาจะมาเอาคืนในตอนไหนคะ
ติดตามเรื่องเล่าสยองขวัญ ใหม่ล่าสุด อ่านเรื่องผีๆ พร้อมความน่ากลัว เรื่องสยองขวัญ และเรื่องเล่าผี ทั่วทุกมุมโลก หาอ่านได้ที่นี่ : สยองขวัญ สมัครสล็อตxo