ตำนานศุกร์ 13 ความเชื่อ อาถรรพ์เกี่ยวกับวันศุกร์ 13 ของผู้นับถือศาสนาคริสต์ มันเป็นวันแห่งความซวยและโชคร้าย ที่ไม่ได้อำกันเล่นๆ
อาถรรพ์ศุกร์ 13 ความเชื่อเกี่ยวกับวันและตัวเลขในคริสต์ศาสนา ตามหลักพระคัมภีร์ไบเบิลนั้นไม่ได้มีระบุหรือบอกเล่าว่าศุกร์ 13 เป็นวันแห่งความโชคร้าย แต่วันแห่งความซวยนี้มีที่มาจากการจากการตีความระหว่างคำว่า วันศุกร์ และ เลข 13 ที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวโยงถึงศาสนา วันศุกร์ ถือว่า เป็นวันโชคร้ายของชาวคริสเตียน บางคนเชื่อว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขนในวันศุกร์ บางความเชื่อก็ว่า วันศุกร์ เป็นวันที่อีฟชักจูงให้อดัมกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน ขณะที่ลักกี้นัมเบอร์อย่าง 13 ชาวคริสเตียนก็เชื่อว่า เป็นตัวเลขแห่งความโชคร้าย เพราะเลข 13 ไปคล้องกับจำนวนคน 13 คนที่รับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยชู (last supper)
เมื่อความร้ายกาจของวันศุกร์ มารวมกับเลขกาลณีอย่าง 13 ก็เลยดูจะยิ่งชวยไปกันใหญ่
อาถรรพวันเฮงซวย
มาถึงตรงนี้ ศุกร์ 13 ไม่ใช่เพียงความเชื่อเท่านั้น เพราะในวันนี้มีเหตุการณ์ที่ตอกย้ำถึงความอาถรรพ์หลายต่อหลายเหตุการณ์ อย่างการเกิดอบัติเหตุที่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีการทำสถิติเกี่ยวกับอัตราการเกิดอุบัติเหตุไว่ในแต่ละวันศุกร์ ซึ่งวันศุกร์ที่ 13 นั้นจะมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าวันอื่นๆ ถึง 52%
ย้อนรอยอาถรรพวันศุกร์ 13
ㆍ วันศุกร์ที่ 13 ปี ค.ศ. 1978 เกิดการสังหารหมู่ในอิหร่าน 13 ศพ
ㆍ ว้นศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1982 อาร์เจนติน่ายกกองกำลังยึดเกาะฟอร์คแลนด์ซึ่งเปินอาณานิคมของอังกฤษ
ㆍ วันศุกร์ ที่ 13 ปี ค.ศ. 1989 บริษัทคอมพิวเตอร์ IBM เสียหายอย่างหนักเพราะโดยไวรัสคอมพิวเตอร์โจมตีระบบ
ㆍ วันศุกร์ ที่ 13 เดือนตลาดม ค.ศ. 2006 พายุหิมะชื่อ “Aphid” พัดถล่มเมืองบัฟฟาโล่ ร้ฐนิวยอร์ค
ㆍ วันศุกร์ ที่ 13 เดือนเมษายน ค.ศ. 2007 เกิดทอร์นาโดหลายลูกพร้อมกันในทางเหนือของเท็กซัส เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น ความน่ากลัวของ วันศุกร์13 และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งให้ประชาชนหวาดกล้ว จนทำให้เกิดโรคที่ชื่อว่า Paraskevidekatriaphobia มาจากภาษากรีก 3 คำคือ วันศุกร์ (Paraskevi) สืบสาม (dekatreis) และความหวาดกลัว ( Phobos)
ดร.โดนัลด์ คอสซี่ย์ นักจิตวิทยาบำบัดที่ชำนาญด้นการรักษาอาการกลัวบอกว่า เฉพาะในสหรัฐฯ ประเทศเดียวมีคนเป็นโรคผวาศุกร์ที่ 13 เป็นจำนวนมากถึง 21 ล้านคนโดยอาการของผู้ที่เป็นโรคนี้คือการหลาดกลัวต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ในวันที่ศุกร์ 13 นอกจากนี้ ศุกร์ที่ 13 ยังทำให้อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินเกือบพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากไม่กล้าเดินทางไปไหน ไม่กล้ทำอะไรไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน!
สำหรับความโชคร้าย และความชวย เหมือนว่าจะจงใจเกิดในวันศุกร์ 13 ให้เราได้ขนหัวลุก แต่สำหรับประเทศอื่นๆ หรือในวัฒนธรรมอื่นๆ นั้นตัวเลขแห่งความชั่วร้ายก็ไม่ได้เป็นตัวเลข 13 เสมอไป เช่น ในวัฒนธรรมจีนมีความเชื่อว่า เลข 4 เป็นเลขไม่เป็นมงคลเพราะออกเสียงว่า “ร” (ซี) ซึ่งหมายถึง ความตาย
สำหรับชาวญี่ปุ่นนั้น เลข 4 (เสียงตรงกันความหมายว่าตาย เช่น จีน) กับ เลข 9 (เสียงตรงกับความหมายว่าเจ็บปวดทรมาน) ถือเป็นเลขที่นำมาซึ่งโชคร้ย รวมทั่งเลขอื่นๆ ที่เสียงพ้องกับคำอื่นที่มีความหมายที่ไม่ดี เช่น 43 (เบอร์ห้องคลอดไม่มีเบอร์นี้เพราะคล้ายกับความหมายว่าลูกแท้ง) หรือ 24 (ตายสองครั้ง) ดังนั้นเบอร์ที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงก็คือ 4 และ 9
ส่วนวัฒนธรรมอินเดีย เลขมหาซวยคือ 8 ซึ่งตรงข้ามกับจีน และญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง คำอธิบายความโชคดีและโชคร้ายของเลขทั้งสองก็แตกต่างกันไป บ้างก็อ้างความเชื่อในศาสนาฮินดู บ้างก็ว่าเลข 8 กำหนดชะตากรรมในเรื่องร้ายๆ ของประเทศ เช่น วัน เวลา แผ่นดินไหว สึนามิ ขลฯ รวมถึง คนอินเดียเวลาทำบุญ และทำทานจะเป็นจำนวนเงินที่ไม่ลงท้ายด้วย เลข 0 เป็นอันขาดในทางกลับกัน ตัวเลขมหาซวยทั้งหลายอาจกลายเป็นเลขนำโชคหรือมีความหมายดีได้เหมือนกัน อย่างประเทศไทย เลข 3 ก็นิยมกันมากในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา เนื่องจากพุทธศาสนาซึ่งมีอิทธิพลมายาวนานเกี่ยวพันกับเลข 3 เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือท่อง 3 จบ หรือเวียนเทียน 3 รอบ ฯลฯ
พุทธศาสนาเข้าสู่แผ่นดินจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 220) ปัจจุบันคนจีนจุดธูป 3 ดอก เคาะระฆัง 3 ครั้ง นิยมเลข 3 นำหน้า เช่น 38 (โชคดี 3 เท่า) หรือเลขโชคร้ายเลข 9 ซึ่งเป็นเลขไม่ดีของ ญี่ปุ่น แต่เป็นเลขมงคลของจีน สำหรับบางคนความมหาซวยก็ไม่ได้ขึ้นกับวันที่ของวันนั้นๆ แต่อาจจะขึ้นกับช่วงเวลาที่คิดว่าอัปมงคล หรืออาจจะเป็นสีเสื้อผ้าที่ใส่ด้วยเช่นกัน และนี่คือ ตำนานศุกร์ 13
เรื่องชวนหลอน : “ผีตู้เสื้อผ้า” วิญญาณเกาะติด
เรื่องที่น่าสนใจ : ประวัติศาสตร์ของPUMA