ฮาชิมะ เกาะร้าง วิญญาณเฮี้ยน วันนี้เราขอเสนอสถานที่สุดเฮี้ยนจากแดนปลาดิบหรือญี่ปุ่นนั่นเอง โดยเรื่องราวนี้มาจากบุคคลท่านหนึ่งได้มาแบ่งปันประสบการณ์สุดหลอนของที่นี่ไว้เราไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปเลยแถมเป็นเกาะร้างด้วยนะ ไม่มีใครอยู่อาศัยนอกจากผี
เกาะฮาชิมะอยู่ห่างจากเมืองนางาชากิประมาณ 15 กิโลเมตร ด้วยรูปร่างที่คล้ายเรือรบ ทำให้ถูกขนานนามว่า Battleship Iรland หรือ เกาะเรือรบ ในอดีตเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยถ่านหิน จนมีการเริ่มทำเหมืองอย่างจริงจังใน ค.ศ.1887 ก่อนที่ มิตซูบิชิ บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุนจะซื้อที่นี่ไปพัฒนา เป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องการถ่านหิน ในการพัฒนาอุตสาหกรรมของญี่ปุนยุคนั้น ทำให้มีการอพยพแรงงานและครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานบนเกาะจนเต็มพื้นที่
เกาะฮาชิมะเป็นเกาะ ที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งห่างจาก เมืองนางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร สมัยที่เกาะฮาชิมะรุ่งเรืองมันถูกตั้งชื่อว่า Battleship Island หรือ เกาะเรือรบเกาะแห่งนี้โดดเด่นในด้านอุตสาหกรรมถ่านหิน และจุดประสงค์ของการสร้างเกาะ ก็เพราะต้องการใช้แร่ถ่านธรรมชาติ เพื่อนำขึ้นใช้งานและส่งออก ดังนั้นการทำแร่ถ่านหินจึงเกิดขึ้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญในการทำงานก็ต้องมีแรงงาน ผู้คนเริ่มเข้ามาอยู่ ตั้งถิ่นฐานอาศัยทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งครอบครัวของคนงานจนเริ่มหนาแน่น ต่อมาในปี 1890 บริษัท Mitsubishi เห็นแววว่าเกาะนี้น่าจะสร้างรายได้มหาศาล จึงตัดใจซื้อเกาะแห่งนี้มันซะเลย โดยมีโครงการว่าจะขุดถ่านหินจากทะเลขึ้นมา
ปี 1916 โครงสร้างคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ถูกสร้างขึ้นที่เกาะฮาชิมะนี้ เพื่อช่วยปกป้องผู้ที่อยู่อาศัยจากพายุไต้ฝุ่นและคลื่นลมทะเล ในปี 1959 เกาะแห่งนี้ทำสถิติมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 1,391 คน ต่อพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร เป็นความหนาแน่นที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในโลก และเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบนเกาะนี้ ได้มีการสร้างโรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร รวมไปถึงบาร์และร้านเหล้าอยู่ภายในเกาะด้วย
เกาะฮาชิมะ เป็นเกาะที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเช่นกัน มีเยาวชนญี่ปุ่นจำนวนมากถูกเกณฑ์ไปสนามรบ และสิ่งหนึ่งที่น่าเศร้าคือ มีผู้คนจำนวนมากอดอยากปากแห้ง เนื่องจากสภาวะขาดอาหารจนเสียชีวิต บางคนก็มีอาการเจ็บป่วย เหนื่อยล้าเพราะถูกใช้งานจนหมดเรี่ยวแรง บางคนที่ทนไม่ไหวก็ลงโดดทะเลฆ่าตัวตายตัดปัญหาก็มี
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์ของ เกาะฮาชิมะใหม่ คือการนำถ่านหินของฮาชิมะหลอมเป็นเครื่องมือ และทำเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเรือรบ และปืนใหญ่ เพื่อกู้คืนจากความรู้สึกที่อัปยศ และความพ่ายแพ้จากสงครามทำให้เป็นช่วงเวลาทองแห่งความมั่งคั่งและความเจริญเติบโต
แต่ช่างน่าเสียดาย เมื่อเวลาเปลี่ยน อะไรหลายๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เกิดยุคที่ถ่านหินเริ่มล้าสมัย – เจ้าน้ำมันนี่สิมันดันมาแรงแซงทางโค้งในปี 1960 เจ้าถ่านหินเลยกลายเป็นลูกเมียน้อยตกกระป๋องไปตามระเบียบ บริษัท Mitsubishi ก็โบกมือลาเกาะแห่งนี้ และปิดเกาะมันซะเลย ผู้คนที่อาศัยก็ต้องอพยพ ไปหาที่แห่งใหม่ จากเกาะเรือรบที่มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่น กลายเป็นเกาะร้าง ที่ไม่มีผู้มาอาศัยอย่างน่าใจหาย
ทว่านอกจากเป็นเหมืองแล้ว เกาะแห่งนี้ยังเป็นเหมือนสถานที่คุมขังนักโทษด้วย เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุนได้เกณฑ์ชาวจีน และเกาหลีใต้ ที่เป็นเชลยสงครามมาทำงานในเหมืองถ่านหิน ความทารุณ ที่แรงงานเชลยศึกได้รับ ทำให้ในสายตาของชาวจีนและเกาหลีใต้มองเกาะฮาชิมะ เป็นสถานที่แห่งฝันร้ายมาจนถึงปัจจุบัน
คลื่นน้ำทะเลยังคงซัดสาด แต่ชุมชนที่เคยมีชีวิตชีวา กลายสภาพเป็นที่ร้าง หญ้ารกสูง ซากตึกสูงสง่ามีสภาพผุกร่อน และแตกร้าว สนามเทนนิสที่ไร้ตาข่ายกั้น ทุกพื้นที่กลายเป็นป่ารกน้อย ไปถึงขั้นรกสูง เสียงวู๊ดลมทะเลนั้น เหมือนกับเสียงร่ำไห้ของเกาะที่ต้องการจะบอกว่า ที่แห่งนี้มันเหงาเหลือเกิน กลิ่นชื้นเหม็นอับผสมกับกลิ่นเกลือทะเลยังคงพัดโชยมาตามสายลม ชักชวนคนลองดีมาสัมผัสกับบรรยากาศผีๆ ชาวประมงที่ได้แล่นเรือผ่านเกาะแห่งนี้ ได้แต่ขนลุกสยองเกล้าและตั้งฉายาอีกฉายาหนึ่งว่า Ghost Islands เกาะผี แต่เกาะผีนี้ก็มีชาวต่างชาติแวะมาเยี่ยมเยือน ถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศที่ไม่ค่อยพบเห็นในชีวิตเท่าไรนัก ผู้ใดที่มาเยือนต่างกล่าวขานอย่างมั่นใจว่าที่แห่งนี้คงจะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้วย จนไม่กล้าที่จะสัมผัสสิ่งของใดๆ บนเกาะเพราะกลัวว่า เจ้าของเค้าจะไม่พอใจ เพียงถ่ายรูปพร้อมกับขนแขนที่ลุก และโบกมือ บายๆ ลาก่อนเกาะผีเรือรบ แต่ไม่ว่ามันจะมีความน่ากลัวสักขนาดไหน ผู้คนก็ให้ความสนใจ และเข้าไปเยี่ยมชมอยู่เรื่อยๆ
เมื่อปี 2517 มิตซูบิชิได้ประกาศปิดเหมืองบนกาะฮาชิมะ เนื่องจากพลังงานถ่านหินไม่เป็นที่ต้องการของญี่ปุนอีกต่อไป โดยหันไปให้ความสำคัญกับพลังงานน้ำมันแทน ซึ่งหลังการปิดตัว แรงงานทั้งหมดจึงอพยพออกจากพื้นที่และปล่อยให้เกาะแห่งนี้เป็นเกาะร้าง ที่ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้หรือดอกไม้ขึ้นอยู่ มีก็แต่เพียงไม้ล้มลุกขนาดเล็กเท่านั้นปัจจุบัน ทางการญี่ปุนพยายามที่จะผลักดันให้เกาะฮาชิมะเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปยังองค์การยูเนสโก แต่กลับถูกทางการเกาหลีใต้คัดค้าน เพราะมองว่าเกาะฮาชิมะ คือบาดแผลสงคราม ที่ยังหลงเหลืออยู่ และทำให้ชาวเกาหลีใต้และชาวจีน รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ที่มีการกล่าวถึงเกาะนี้

แม้จะยังป็นที่ถกเถียงกันว่า เกาะฮาชิมะสมควรจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหรือไม่ แต่ปัจจุบันเกาะนี้ก็มีชื่อเสียงอย่างมากจากการถูกนำไปใช้เป็นฉากจำลองในภาพยนตร์เจมส์ บอนต์ Skบfall จนทำให้กลายเป็นเหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในญี่ปุนเกาะฮาชิมะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเมื่อ 4ปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้ มีนักท่องเที่ยวไม่มากที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวนี้ เพราะทางการญี่ปุนจำกัดจำนวน นักท่องเที่ยว ทำให้แต่สะปีมีผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มาเที่ยวที่นี่ได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ที่เกาะร้งแห่งนี้ในยามกลางคืน โดยเฉพาะในช่วงที่มีมรสุมหรือพายุเข้า บรรดชาวเรือที่ผ่านไปใกล้ ได้เล่ากันมาว่า จะได้ยินเสียงร้องหวีดหวิวน่ากลัว ดังอยู่ท่ามกลางสายลมและสายฝน โดยพวกเขาเชื่อกันว่า เกาะแห่งนี้กำลังร้องไห้ เพราะมันทิ้งให้โดดเดี่ยวมายาวนาน และกำลังโหยหาใครสักคนไปอยู่ด้วย หรือไม่เช่นนั้นเสียงร้องที่ได้ชาวเรือได้ยิน ก็อาจเป็นเสียงของดวงวิญญาณเหล่าเชลยศึก ที่สัมตายด้วยความทุกข์ทรมาน และยังคงวนเวียนอยู่ในเหมืองบนเกาะแห่งนี้ก็เป็นได้
อีกเหตุการณ์ที่ยืนยันถึงอาถรพ์บนเกาะแห่งนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เกาะฮาชิมะจะถูกใช้เป็นสถานที่จำลองในการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยที่นี่เคยถูกใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Battle Royale” ของผู้กำกับดินจิ ฟูกาซากุ ผู้ยืนยันว่า เกาะนี้มีอาถรรพ์ ฟูกาชากุ เปิดเผยว่า ในระหว่างการถ่ายทำได้พบสิ่งผิดปกติ อยู่ตลอดเวลา เช่นพบคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูก
ถ่ายติดเข้ามาในฉาก หรือฟิล์มเสียทั้งๆ ที่เพิ่งใช้งาน ทว่าเหตุการณ์ที่ขวัญผวาที่สุด จนทำให้กองถ่ายต้องหยุดพักเป็นสัปดาห์ ก็คือ ชิอากิ คูริยามา นักแสดงหญิงคนหนึ่ง ซึ่งรับบทเป็นนักเรียนได้ถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำตัวเธอ
หลังจากอ่านบทความ ฮาชิมะ เกาะร้าง วิญญาณเฮี้ยน เป็นอย่างไรกันบ้างน่าลองไปเที่ยวและไปสัมผัสบรรยากาศมั้ย
อ่านเรื่องอื่นเพิ่มเติม ธุรกิจมาแรง เรื่องเล่าสยองขวัญ