เขาชนไก่ ตั้งอยู่ที่ บ้านลาดหญ้า ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จากการสำรวจบริเวณเชิงเขาชนไก่ได้พบหลัดฐานทางโบราณคดีจำนวนมาก มีหลายยุคหลายสมัย นอกจากจะพบหลักฐานทางโบราณคดีแล้ว เขาชนไก่ยังเป็นสถานที่สำคัญในการทำสงครามระหว่างไทยกับพม่า เนื่องจากเป็นภูเขาโดดเดี่ยวมองเห็นเด่นชัดอยู่ทางด้านเหนือของเมืองกาญจนบุรีเก่าซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแควใหญ่ และมีลักษณะพื้นที่โดยรอบเป็นที่ราบกว้างใหญ่ที่เรียกว่า ทุ่งลาดหญ้าขาชนไก่จึงเหมาะที่จะใช้เป็นที่สังเกตการณ์เมื่อยามมีศึกสงครามชื่อ “เขา“เขาชนไก่” เขาว่าเป็นบ้านเดิมของขุนไกร พ่อของขุนแผน เป็นสถานที่ที่นางทองประศรี แม่ของขุนแผนพาขุนแผนหรือพลายแก้ว เมื่อครั้งยังเด็กมาหลบราชภัย เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่ “ดอนเขาชนไก่”
แต่เดิมในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เกิดเหตุการณ์ สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างไทยกะพม่า พม่าได้ยกกองกำลังมาทั้งหมด 9 ทัพด้วยกัน มีทัพหนึ่งได้ยกมาทางทุ่งลาดหญ้า ฝ่ายไทยเลยใช้เขาชนไก่เป็นที่ตั้งและดูการเคลื่อนไหวของพม่า เวลาว่างทหารไทยก็เอาไก่มาชนกัน และบริเวณยอดเขาจนถึงทุกวันนี้และยังมีศาลของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อยู่ด้วยในการรบที่ลาดหญ้า สมเด็จวังหน้าทรงให้ ออกญามหาโยธาคุมทหารมอญ 3,000 คนเป็นกองหน้าไปตั้งสกัดข้าศึกที่ด่านกรามช้าง ส่วนทัพใหญ่ตั้งค่ายมั่นที่ทุ่งลาดหญ้าตรงช่องสะเดาใกล้กับเขาชนไก่ และยังทรงให้ตั้งค่ายอีกค่ายหนึ่งที่ปากแพรก (ปัจจุบันคือ ตัวเมืองกาญจนบุรี)
ด้วยความที่ เขาชนไก่ เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ พื้นที่แห่งนี้หลายร้อยปีก่อนถูกใช้เป็นสมรภูมิรบสงคราม 9 ทัพ เหล่าทหารและข้าศึกนับพันต่างต้องมาจบชีวิตลง นอนตายทับถมในบริเวณพื้นที่แห่งนี้จำนวนมาก มีครูฝึกท่านหนึ่งเล่ามาว่า เศษหิน ดิน ทราย ในเขาชนไก่ ล้วนมาจากเศษซากศพของทหารและข้าศึกในสมัยก่อน
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในตอนที่ผมได้เรียน รด. ปี 3 และต้องไปฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน การฝึกเป็นไปได้ด้วยดี และหลายคนคงรู้ดีว่ามันเหนื่อยมาก คิดถึงคนที่บ้าน คิดถึงเตียงนุ่มๆ คิดถึงแฟนที่รู้เราอยู่ คิดถึงอากาศที่ปลอดโปร่ง เพราะที่นี่ฝุ่นเยอะมากจนจามออกมาน้ำมูกเป็นสีดำเลยครับ
การฝึกดำเนินไปจนถึงวันที่ 4 ซึ่งเป็นวันที่เหนื่อยที่สุด และสบายที่สุด เพราะเป็นวันที่ต้องฝึกการซ้อมรบแบบเสมือนจริง ทุกๆคนต้องหลบอยู่ในหลุมหลบภัยให้เงียบที่สุด เพื่อไม่ให้ศัตรรู้จุดที่เราซ่อนตัวอยู่ หลายคนคงรู้ดีกว่าที่เขาชนไก่เคยเป็นสนามรบมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นการฝึกตอนกลางวันแต่ทุกอย่างนั้นเงียบสงบมาก ได้ยินเสียงลม เสียงต้นไม้ หรือแม้แต่เสียงเท้าของครูฝึก ที่สยองไปทุกฝีก้าว
และเวลาก็ผ่านไปจนถึงเวลาประมาณ 18.00น. ถึงเวลาของการซ้อมโจมตีแบบประจันบาน ในป่าที่มีแต่ความมืดมิด มีแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือแสงของพระจันทร์ที่ส่องสว่างยังคงสว่างอยู่ และทันใดนั้นเองก็มีเสียงครูฝึกตะโกนขึ้นมาว่าให้วิ่งให้เร็วที่สุด แล้วทุกคนก็วื่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพราะกว่าจะหลงอยู่ในป่าอันมืดมิด
ฝึกซ้อมรมเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางไกลเพื่อกลับไปยังที่พัก เป็นระยะทาง 9-10 กิโล และตัวผมนั้นได้อยู่เป็นคนสุดท้าย ต้องขอบอกเลยว่าเป็นการเดินทางไกลที่หลอนที่สุด เมื่อเราอยู่คนสุดท้ายแน่นอนว่าเราต้องคอยดูว่ามีใครแอบตามเรามามั้ย
แต่การที่มองกลับไปแต่ละครั้งก็ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าอย่าให้มีใครตามเรามาเลยเพราะมันทั้งมืด ทั้งเปลี่ยว น่ากลัวสุดๆ
ตลอดระยะทาง ก็มีทั้งเดิม หมอบ คลาน ตามเรื่องตามราว จนไปถึงที่พักแบบเสียวสันหลังตลอดทาง พอกลับไปที่พักทุกคนต่างพากันเพลียมาก แต่ก็ได้รับอนุญาติให้อาบน้ำได้
และในทุกๆ คืนทุกคนต้องผลัดกันเข้าเวรยามและในวันนั้นเองที่เป็นเวรยามของผม
ซึ่งต้องเขาเวร เวลาตี3-ตี4 ผมจึงได้นอนเอาแรงตอนเวลาประมาณ 4 ทุ่มเพื่อที่จะไปเข้าเวรยาม พอถึงเวลาผลัดก่อนหน้าก็มาปลุกตอนตี2กว่าๆ ผมจึงต้องลุกขึ้นไปเฝ้ายามครับปกติแล้วเขาจะแบ่งเป็นหมวดในการเฝ้า 1 ที่ หมวดละเป็นมาณ 6-8 คน

ณ เวลาตี 3 ที่อุณหภมิประมาณ 20-22 องศา มันเป็นเข้าที่เงียบสงบ ทั้งมืด ทั้งหนาว ผมทำได้แค่เพียงยืนนิ่งๆ ผมก็ยืนไปสักพักนึกขึ้นมาได้ ครูฝึกนั้นได้กำชับมาว่า “พื้นห้องน้ำต้องสะอาดห้ามมีรอยเท้าแม่แต่นิดเดียว” ผมก็หันไปมอง เช็คในห้องน้ำ มันก็มีรอยเท้าอยู่คู่นึงดูจากรอยแล้ว ก็น่าจะเข้าห้องส้วมห้องแรกพอดี ผมก็ต้องเช็คว่ามีใครอยู่ในห้องนั้นหรือเปล่า จะได้รอเขาออกมาแล้วเช็ดถูทีเดียว เพราะตี 4 แล้วคงไม่มีใครมาใช้ต่อ
“เข้าห้องน้ำอยู่ป่าวครับ” นี่คือสิ่งที่ผมตะโกนไป “ครับ” เสียงตอบกลับจากคนในห้องน้ำ
ผมก็ยืนรอหน้าห้องน้ำไปเรื่อยๆ รอแล้วรอเล่า20นาทีแล้วจนเพื่อนที่เก็บของมา มาพร้อมรองเท้าแตะที่จะใส่เข้าไปทำความสะอาดได้โดยไม่เปื้อนพื้น แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจเรื่องคนในห้องน้ำอะไรเพราะคิดว่าวันสุดท้ายเขาอาจจะถ่ายหนักอยู่
ผมจึงให้เพื่อนเข้าไปทำความสะอาดข้างใน และตะโกนบอกเพื่อนว่า
“ถูห้องอาบน้ำก่อนเลย”
มันก็เข้าไปถูส่วนผมก็ยืนเฝ้าข้างหน้า
จนเพื่อนมันถูห้องอาบน้ำเสร็จมันก็มาถามผม “ห้องส้วมต้องถูด้วยป่าว”
ผมก็ตอบ “เออ แต่รอคนห้องแรกเขาเข้าเสร็จก่อนนะ”
แล้วเพื่อนก็งง ถามผมว่า “ห้องไหนกูเดินเข้าไปดูไม่เห็นจะมีห้องไหนปิดประตูซักห้อง”
ผมก็ งง ครับและหันไปมองห้องน้ำห้องนั้น ปรากฏว่าประตูมันเปิดอยู่..ผมก็งงและดูที่รอยเท้า รอยเท้าก็มีเพียงแค่รอยเท้าที่เดินเข้าไป
แล้วเขาออกมาตอนไหน.. ซึ่งผมดูแล้ว มันมีทางออกเดียวแน่นอน
ซึ่งผมก็ยืนอยู่ตลอดและจะปีนออกก็ไม่ได้แน่นอน และรอยเท้าก็มีแค่รอยเดิม
ที่เป็นรอยเข้า แต่ไม่มีรอยที่เดินออกเลย.. แล้วเสียง “ครับ” ที่ได้ผมยินกับรอยเท้ามันคืออะไร.. ผมก็เลยไม่พูดอะไร
เพื่อนก็ล้างห้องน้ำเสร็จ ผมก็ยืนขนลุกอยู่หน้าห้องน้ำ รอบๆก็เป็นป่ามืดๆอีก
ผมไม่กล้าคิดเอง ว่าสิ่งที่ผมเห็น สิ่งที่ผมได้ยินนั้น คืออะไร คงได้เเต่เก็บไว้ และบอกต่อๆ
ถึงรุ่นน้อง ในการไปฝึกที่ เขาชนไก่ หรือแม้แต่ในสถานที่ต่างๆ และเคารพในสถานที่นั้นด้วย
อ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ สยองขวัญ
สนับสนุนโดย สมัครสล็อตxo