เล่นผีถ้วยแก้วที่โรงเรียน
เล่นผีถ้วยแก้วที่โรงเรียน เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณไม้ครับ คุณไม้เล่าว่า วันนึงผมได้ไปงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนเก่ามาครับ พอได้เจอเพื่อน ได้คุยเรื่องเก่าๆ สมัยเรียนกัน มันเลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา เป็นเรื่องที่นึกถึงทีไรก็ทำเอาขนลุกได้ทุกทีเลยล่ะครับ ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ผมเรียนอยู่ชั้น ม.6 ของโรงเรียนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จำได้ว่าเป็นช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ครับ วันนั้นเป็นวันที่ผมกับเพื่อนๆ อีก 3 คน เป็นเวรทำความสะอาดห้องเรียน และวันนั้นวิชาสุดท้ายเป็นวิชาพละ เพื่อนในห้องที่เหลือก็จะหอบกระเป๋าลงไปเรียน แล้วก็กลับบ้านเลย จะมีก็แต่พวกผมที่จะต้องกลับขึ้นไปทำความสะอาดห้องเรียนกันต่อ เวลาตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็นครับ และเนื่องจากเป็นภาคเรียนที่ 2 เข้าหน้าหนาวพอดี ท้องฟ้าจะมืดไวกว่าปกติครับ
พวกผมทำความสะอาดห้องเรียนกันไปจนเสร็จ ก็ราวๆ 6 โมงเย็น เพื่อนผมคนหนึ่งในนั้นชื่อ ไอ้จืด อยู่ๆ มันก็นึกสนุกอยากเล่นอะไรพิเรนๆ ขึ้นมา ผม และเพื่อนที่เหลือจึงต้องจำใจเล่นด้วย เพราะต้องอาศัยติดรถมันกลับบ้าน แต่ผมก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่า ‘ถ้าเล่นผีถ้วยแก้ว กูไม่เล่นนะ..’ ที่ผมพูดไปตอนนั้นไม่ใช่เพราะผมกลัว แต่ผมคิดว่าเล่นไปก็ไม่น่าจะเจอ เพราะเคยลองมาแล้วบ่อยๆ ไอ้จืดมันเลยพิมพ์หาวิธีเรียกผีต่างๆ ในกูเกิลดู ก็ไปเจออีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจครับ ผมจำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่วิธีการของมันคือ ให้ทุกคนนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม โดยเว้นที่ว่าง 1 ที่ไว้ นำเทียนไขมาจุดตั้งไว้ที่ด้านหน้าของตัวเองคนละเล่ม แล้วนำเทียนไขอีกเล่มที่ยังไม่ได้จุด มาตั้งไว้ตรงที่ที่เว้นไว้ (เว้นไว้สำหรับวิญญาณ) เสร็จแล้วก็ให้แต่ละคนเล่าเรื่องผีที่เคยเจอ หรือเคยได้ยินมา พอแต่ละคนเล่าจบ ก็ให้เป่าเทียนของตัวเองให้ดับ ทำแบบนี้จนครบทุกคน แล้วเทียนเล่มที่ไม่ได้จุดไฟจะติดไฟเอง และวิญญาณที่อยู่แถวนั้นก็จะมาปรากฏตัวให้เห็น..
พวกผมไปเอาเทียนมาจากห้องพระพุทธศาสนา แล้วมาเล่นกันในห้องเรียนตรงหน้ากระดานดำ ขออธิบายลักษณะห้องเรียนก่อนนะครับ ห้องเรียนผมจะมีประตูเหล็ก 2 ประตู ที่หน้าห้องกับหลังห้อง มีหน้าต่างเหล็ก และช่องด้านบนของหน้าต่างแต่ละบานจะเป็นกระจกใส พวกผมปิดไฟเล่นกัน จึงเหลือเพียงแค่เทียนไข กับช่องกระจกเท่านั้นที่ช่วยให้แสงสว่าง.. ไม่รอช้า พวกผมก็เริ่มเล่นกันเลยครับ เริ่มจากไอ้จืดเล่าคนแรก เล่าเสร็จก็เชิญวิญญาณแล้วเป่าเทียนของตัวเองดับ เพื่อนคนที่ 2 ก็เริ่มเล่าต่อ ทำเหมือนที่ไอ้จืดทำ ตามด้วยคนที่ 3 ต่อ แล้วก็ตามด้วยผมเป็นคนสุดท้าย พอครบ ก็จะเหลือแค่เทียนเล่มสุดท้ายที่ติดไฟอยู่ ผมเลยพูดกับไอ้จืดว่า ‘ไหนวะ เสร็จแล้วก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลย’ ไอ้จืดมันก็สะดุ้งตกใจ พร้อมกับบอกว่า ‘ขอโทษว่ะ กูทำผิดวิธี.. กูลืมไปว่าเทียนเล่มสุดท้ายมันไม่ต้องจุดไฟ แต่กูดันจุดทุกเล่มเลย’ ด้วยความที่ผม และเพื่อนคนอื่นต้องเสียเวลากับพิธีพวกนี้ รวมถึงกลับบ้านค่ำ เลยโวยวายใส่มันกันใหญ่
และในตอนนั้นเอง ที่พวกผมได้ยินเสียงลากเก้าอี้ดังมาจากหลังห้องเรียน พวกผมตกใจเลยรีบหันไปมอง แต่ก็ไม่เจออะไร ตอนนั้นสังเกตุได้ชัดเลยว่าห้องเรียนเริ่มมืดมากแล้วครับ แสงจากนอกหน้าต่างเริ่มหมดไป เหลือแต่เพียงแสงไฟจากเทียนไขเล่มสุดท้ายเท่านั้น ในขณะที่พวกผมกำลังเหวอกันอยู่ ตรงเทียนไขเล่มที่ไอ้จืดมันไม่ได้ตั้งใจจุด ก็ปรากฏให้เห็นขาคู่หนึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลังของเทียนเล่มนั้น! ขาคู่นั้นใส่รองเท้าผ้าใบของนักเรียนชาย และมีคราบเลือดแห้งๆ ติดอยู่ที่ขา และถุงเท้าเต็มไปหมด แล้วเขาก็ค่อยๆ ย่อเข่าลงมาอยู่ในท่านั่งยอง เอาหน้าใกล้เทียน พวกผมนี่นิ่งตัวแข็งตัวชาทำอะไรไม่ถูกเลยกับสิ่งที่เห็น ใบหน้าของเด็กคนนั้นผมเห็นไม่ชัดเท่าไร เห็นแค่ว่า ใบหน้ามีแต่บาดแผล และคราบเลือดเต็มไปหมด! ในจังหวะที่พวกผมกำลังอึ้งอยู่ เด็กคนนั้นก็เป่าเทียนเล่มสุดท้ายดับไป
ทีนี้ล่ะครับ ห้องเรียนนี่มืดสนิทเลย พวกผมต่างวิ่งร้องตะโกนเสียงดังลงมาแบบไม่สนใจอะไรเลย คือเพื่อนอยู่ไหนไม่สนแล้ว วิ่งหนีสุดชีวิตเลยครับ จนผมมาถึงหน้าประตูโรงเรียนคนแรก ส่วนเพื่อนๆ ที่เหลือก็วิ่งตามมากันจนครบ ด้วยความที่วิ่งกันมาเหนื่อยมาก ลุงยามที่เฝ้าหน้าประตูโรงเรียนแกเห็นแกเลยถามว่า ‘ไปทำอะไรกันมา! ทำไมสภาพเป็นแบบนี้?’ พวกผมก็ยังไม่กล้าบอกว่าไปเจออะไรกันมา ไอ้จืดเพื่อนผมเลยตอบไปว่า ‘พอดีพวกผมเพิ่งจะเตะบอลเสร็จครับ เลยเหนื่อย’ ลุงยามก็ทำหน้างง พร้อมกับบอกว่า ‘ไม่ได้ถามว่าเหนื่อยหรือไม่เหนื่อย แต่ขาพวกเอ็งน่ะไปโดนอะไรมา ทำไมเป็นแบบนั้น?’ พวกผมเลยมองไปที่ขาของตัวเอง ก็ถึงกับช็อคเลยครับ! เพราะที่ขา และถุงเท้าของพวกผม เต็มไปด้วยเลือดแห้งๆ ทุกคน ลักษณะแบบเดียวกันกับขาของเด็กคนนั้นไม่มีผิดเลยครับ
จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มก็ฟุบลงไปเฉยๆ ทุกคนงง ถามว่าเป็นอะไร แต่เพื่อนคนนั้นก็ไม่ตอบ แล้วไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมามองทุกคน พร้อมกับตะคอกว่า ‘กูจะเอาชีวิตมึง’ จังหวะนั้นเรารีบหยิบสร้อยพระในกระเป๋ามาสวมให้เพื่อนคนนั้นทันที และก็เหมือนในหนังเลยค่ะ เพื่อนสลบฟุบลงไปอีกครั้ง ตอนนั้นเราทุกคนนั่งตัวแข็งทื่อเลยค่ะ ไม่มีใครกล้าลุกไปไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนตี 5 กว่าๆ มั้ง มีภารโรงเดินผ่านมาทักว่า ‘พวกเธอมาทำอะไรกันที่นี่’ พวกเรารีบวิ่งไปหาภารโรงแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ภารโรงเค้าบอกว่า ‘เมื่อ 2 ปีก่อน เคยมีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง กรีดข้อมือตัวเองตายอยู่ที่ใต้โดมนี้แหละ ก่อนตายเธอได้เขียนจดหมายสาปแช่งนักเรียนทุกคนที่รุมแกล้งเธอไว้ด้วย แล้วหลังจากนั้น ก็มีเด็กนักเรียนกรีดข้อมือตายอีกหลายรายเลย’
หลังจากวันนั้นมาพวกผมก็ล้มป่วยกันเป็นแถวเลยครับ จะมีหนักสุดก็คือไอ้จืด ที่รถล้มจนต้องเข้าโรงพยาบาลด้วย แต่ก็ยังโชคดีที่แค่ขาพลิก กับเป็นแผลถลอกเท่านั้น หลังจากหายดีแล้ว พวกผมก็พากันไปทำบุญให้เด็กคนนั้น ส่วนเด็กคนนั้น ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง พวกผมก็ไม่เคยเจออีกเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และเป็นอะไรตาย ถึงได้มีสภาพแบบนั้น แต่ก็น่าจะเป็นเด็กโรงเรียนของผมเองนี่แหละ และนี่คือเรื่องจริงที่ผมกับเพื่อนได้เจอมากับตัวเลยครับ
เรื่องสยองที่น่าสนใจ : Pizza Delivery
บทความที่น่าสนใจ : เที่ยวชัยภูมิ