เรื่องสยองจากตำนานญี่ปุ่น

เรื่องสยองจากตำนานญี่ปุ่น

เรื่องสยองจากตำนานญี่ปุ่น เราจะรวบรวมเรื่องสยองที่คุณต้องขนลุกตอนที่อ่านแน่นอนเพราะแต่ละเรื่องที่เราเลือกมามีแต่เรื่องที่อ่านกี่รอบต่อกี่รอบก็ยังขนลุกอยู่ ขนาดตอนที่เขียนตอนนี้เรายังขนลุกไม่หายเลย ทุกคนคงจะอยากที่จะรู้แล้วว่า เรื่องสยองจากตำนานญี่ปุ่น ที่เรามาแบ่งปันเป็นยังไงบ้าง

เรื่องที่ 1 : Kuchisake Onna ตำนานสาวปากฉีก

Kuchisake Onna

ตำนานนี้เริ่มเป็ที่พูดถึงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 ในประเทศญี่ปุ่นได้มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาเกี่ยวประสบการณ์ที่เขาพบเจอกัน เรื่องเล่าที่จะทำให้ผู้คนที่เดินตามท้องถนนต้องขนลุกขนพองกันทั่วหน้า

ตำนานนี้พูดถึงหญิงสาวคนหนึ่ง ที่โดนสามีที่เป็นซามูไรใช้ดาบของเขาฟันเข้าไปที่บริเวฯปากจนเกิดบาดแผลที่ฉีกยาวตั้งแต่ปากจนถึงใบหู แล้วที่น่าสลดใจไปกว่านั้นคือดธอได้ถูกปล่อยไว้จนสิ้นใจลงไปต่อหน้าต่อตาสามี สาเหตุที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเป็นเพราะความหึงหวงของสามีที่กลัวเธอจะมีชายอื่น

ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เริ่มที่จะเร่รอนหลอกหลอนชาวบ้านแถวนั้น ที่น่ากลัวคือเธอยังเต็มไปด้วยความแค้นและอิจฉาผู้คนที่ไม่ได้พบชะตากรรมเดียวกับเธอ โดยทุกๆค่ำคืนที่มีหมอกลงจัด จะมีคนเล่ากันว่าเธอจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งล่างและยืนรอดักคนโชคร้ายที่เดินผ่านมาและเมื่อมีคนเดินผ่านมาเธอก็จะปรากฏตัวขึ้นแล้วก็เข้าไปถามว่า “ ฉันสวยไหม ? ”

ถ้าตอบว่า “ สวย ” เธอจะดึงหน้ากากที่เธอใส่ออกมา เพื่อให้เห็นใบหน้าทั้งหมดของเธอ ใบหน้าที่มีบาดแผลฉกรรจ์ที่มีรอยฉีกเป็นทางยาวตั้งแต่ปากจนถึงใบหู เป้นบาดแผลที่สามีของเธอได้ฝากไว้ พร้อมด้วยคำถามต่อมา “ แล้วแบบนี้ล่ะ ? ”

ถ้าตอบว่า “ ไม่สวย ” เธอจะนำกรรไกรของเธอมาตัดปากของผู้โชคร้ายให้มีบาดแผลเดียวกันกับเธอ แต่ถ้าตอบว่า “ สวย ” เธอก็จะหายตัวไป จนเมื่อกำลังถึงหน้าบ้านเธอก็จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้วใช้กรรไกรของเธอทำให้ใบหน้าของผู้โชคร้ายเป็นบาดแผลแกรรจ์เหมือนกันเธอ เสร็จแล้วเธอถึงจะหายตัวไป

ทุกคนคงจะสงสัยกันแล้วใช่ไหม ? ว่าจะรอดพ้นจากเธอยังไง ? วิธีที่จะสามารถรอดพ้นจากเธอได้นั้นคือจะต้องตอบว่า “ ก็ดูปกติดีนี่ ” คำตอบนี้จะทำให้เธอสับสนจังหวะที่เธอสับสนอยู่นั้นล่ะ คุณต้องรีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นให้พ้น ไม่ก็ถ้าคุณมีลูกอมสีสวยๆก็ให้ลูกอมนั้นกับเธอพร้ออมกับพูดว่า “ โพมาเดะ ” หรือ “ จงหายไป ” หกครั้ง จะทำให้เธอหนีไป

เรื่องที่ 2 : Take Take ตำนานสาวตัวขาด

Take Take

เรื่องนี้เป็นตำนานหลอนของญี่ปุ่นเลย โดยมีเรื่องเล่าว่ามีนักเรียนสาวคนหนึ่งเกิดประสบอุบัติเหตุหล่นลงไปตรงรางรถไฟ ทำให้ร่างของเธอนั้นถูกบนขยี้ด้วยรถไฟขาดเป็นสองท่อน และทำให้เธอเสียชีวิตทันที ถึงร่างกายจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ

แต่ความจริงแล้วกลับทำให้เธอเป็นผีที่มีความอาฆาต พยาบาท ในทุกๆ คืนเธอจะถือเคียว เดินทางโดยใช้ข้อศอกคลานไปมา โดยขณะที่เธอคลานตัวนั้นจะมีเสียง เทเค .. เทเค .. ซึ่งเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว แต่ถึงแม้เธอจะคลานด้วยข้อศอก แต่มันก็มีความเร็วมากทีเดียว หากใครพบเห็นเธอเข้าแล้วเกิดหนีเธอไม่พ้น ก็จะถูกเธอใช้เคียวตัดออกเป็นสองท่อนเพื่อให้เป็นเทเคตัวใหม่ต่อไป ..

แต่มีอีกเรื่องเล่าอีกเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องเล่าที่ดังไม่แพ้เรื่องเล่านี้เลย เป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายจาการกระโดดรางรถไฟจนร่างกายขาดเป็นสองท่อน แต่เธอไม่ตายในทันที โดยเธอใช่ขอศอกคลานพร้อมร้องเรียกว่าโดยเสียงโหยวนว่า “ ขาของฉันอยู่ไหน ”

เป็นตำนานที่มีเรื่องเล่าหลายแบบมากเลย แต่ละเรื่องเล่าก็มีความน่ากลัวของมัน ทำให้ตำนานนี้เป็นตำนานที่น่ากลัวอีกตำนานเลยที่เดียว

เรื่องที่ 3 : Hanakosan ตำนานเด็กหญิงในห้องน้ำ

Hanakosan

ตำนานนี้เกี่ยวกับห้องน้ำ เรื่องเล่านี้เริ่มจากฮานาโกะซัง เด็กหญิงสาววัย ป.1 ที่ได้เสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำหญิงของโรงเรียนเป็นเรื่องที่เกิดช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์ หรือช่วงสงครามโลกครั้ง 2 โดยที่มีเรื่องราวเล่ากันว่าเด็กหญิงสาวฮานาโกะ เป็นเด็กชั้นประถามศึกษาปีที่ 1 ที่มักจะโดนกลุ่มเด็กผู้ชายในชั้นเรียนกลั่นแกล้งอย่างบ่อยครั้ง 

จนกระทั้งถึงวันสุดท้ายของภาคเรียน พวกเด็กเกเรผู้ชายก็ยังได้กลั่นแกล้งฮานาโกะเป็นการทิ้งทาย โดยที่ชวนเธอเล่นซ้อนหา ซึ่งฮานาโกะก็เลือกที่จะไปซ้อนตัวอยู่ที่ห้องน้ำหญิงชั้น 3 ห้องที่ 3 จากนั้นพวกกลุ่มเด็กผู้ชายก็แอบเข้ามาล็อคประตูของเธอ เพื่อจะแกล้งเธอ และทิ้งเธอไว้เพียงลำพังพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ค่อยๆ แผ่วเบาลงเรื่อยๆ  โดยที่กลุ่มเด็กผู้ชายตั้งใจที่จะมาปล่อยเธอในช่วงเวลาเลิกเรียน

แต่แล้วเรื่องที่ไม่น่าคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสัญญาณเตือนภัยของโรงเรียนดังขึ้นอย่างกึกก้อง ว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดกำลังมุ่งหน้าเข้ามา ทำให้ทุกคนเกิดความตกใจกลัวอย่างมาก ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้นไปไกลจากเขตโรงเรียน ทางคุณครูก็ต่างอพยพพานักเรียนทั้งหมดไปในที่ที่ปลอดภัย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตกใจกลัวและเสียงร้องไห้ของเด็กๆ ไม่มีใครรู้เลยว่ายังมีเด็กหญิงสาวกำลังติดอยู่ที่ห้องน้ำชั้น 3 ห้องที่ 3 แม้กระทั่งเด็กนักเรียนกลุ่มผู้ชายกลุ่มนั้นก็ต่างตกใจอย่างมาก ร้องไห้จนลืมเรื่องของฮานาโกะซังไปในที่สุด

ท่ามกลางความโหดร้ายที่เกิดขึ้น เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ฮานาโกะต้องถูกขังในห้องน้ำเพียงลำพังโดยที่ไม่สามารถหนีออกไปไหนได้ ทางพ่อแม่ ผู้ปกครอง ต่างวิ่งผ่าควันระเบิดเพื่อมารับลูกหลานของตนเองกลับบ้าน หรือไปอยุ่ในที่ที่ปลอดภัย แต่พ่อแม่ของฮานาโกะ ถึงแม้จะมาแต่ก็ไม่พบฮานาโกะแม้แต่น้อย หลังจากนั้นไม่นาน เสียงระเบิดก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เมื่อระเบิดลงโรงเรียนจนโรงเรียนทั้งหลังพังพินาศไปในพริบตา

หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงไป พ่อแม่และครูก็เริ่มออกตามหาเด็กหญิงฮานาโกะอย่างเต็มที่ จนกระทั่งพบว่าเธอได้กลายเป็นซากศพที่อยู่กับซากห้องน้ำที่ปรักหักพัง โดยที่สภาพศพของเธอเต็มไปด้วยเลือดทั่วร่างกาย และหลังจากนั้นก็เชื่อกันว่าเธอได้กลายมาเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ที่ห้องน้ำหญิงของนักเรียนประถมทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น โดยจะชวนเด็กๆ มาเล่นด้วยหรือเล่นด้วยกับเธอ

ต่อมาก็ได้มีตำนานอีกหนึ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำนานฮานาโกะซัง เกี่ยวกับหมึกแดง โดยที่มีเรื่อเล่าว่า มีเด็กนักนักเรียน ป.6 กลุ่มหนึ่ง ได้เข้ามาท้าทายตำนานผีฮานาโกะ ด้วยการชวนกันเข้ามาที่ห้องน้ำหญิงในชั้นที่ 3 ห้องที่ 3 ของโรงเรียน และเด็กคนหนึ่งก็ท้าทายฮานาโกะต่างๆ นาๆ พร้อมทั้งเอาหมึกแดงมาละเลงทั่วเรือนร่างแทนเลือด และเลียนแบบท่าตายของเธอด้วยความสนุก ขบขัน

พอวันต่อมา เธอต้องเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุรถบรรทุกชน เธอต้องตายอย่างอนาถกลางถนนในท่าเดียวกันกับที่เธอทำท่าเลียนแบบการตายของฮานาโกะ แม้กระทั่งเลือดของเธอก็ยังออกมาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับที่เธอกับที่เธอได้ท้าทายตำนานฮานาโกะซังอีกด้วย

เรื่องที่ 4 : Rokurokubi ตำนานสาวคอยาว

Rokurokubi

Rokurokubi ไม่ได้เป็นวิญญาณแต่เป็นภูติผีและเธอก็เป็นภูติผีที่มีนิสัยแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ตอนกลางวันเธอจะอาศัยแนบเนียนไปกับผู้คนแบบไม่รู้ตัว บางครั้งเธอก็ปลอมตัวเป็นสาวใช้ในบ้านของเศรษฐี บางทีเธอก็ปลอมตัวเป็นชาวนา เป็นแม่ค้า ซึ่งเธอจะเป็นคนสวยมากจึงทำให้ไม่มีใครสังเกตมากนัก

แต่พอตกกลางคืนเธอจะถอดหัวออกมากลายเป็นผีสาวคอยาว เพื่อออกไปหาเหยื่อ ผู้โชคร้ายที่เจอเธอจะโดนดูดวิญญาณจนร่างกายเสียชีวิตไป เธอมักจะเลือกเหยื่อเป็นผู้ชายร่างกายแข็งแรงไว้ก่อนเพราะว่าพลังงาน พลังชีวิตเยอะ พอตอนเช้าเธอก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิมกลายเป็นหญิงสาวที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นอะไร

เรื่องที่ 5 : Sarayashiki ตำนานสาวใช้นับจาน

Sarayashiki

Sarayashiki มีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันอยู่ 2 เรื่องเล่า เรื่องเล่าแรกเล่าว่าโอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน เขาตกหลุมรักเธอจึงได้วางแผนหลอก ด้วยการนำชุดเครื่องจานราคาแพงจากดัตช์มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล

วันหนึ่งเขาจึงนำจานหนึ่งใบไปซ่อน แล้วสั่งสาวใช้ให้นำชามทั้ง 10 ใบมาให้ เมื่อโอคิคุไม่สามารถหาได้ครบ เธอจึงหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ เทสซันจึงยื่นข้อเสนอจะยกโทษให้หากเธอยอมเป็นภรรยาน้อยของเขา โอคิคุไม่ยอม และเลือกที่จะรักษาเกียรติของตนด้วยการกระโดดลงบ่อน้ำ จบชีวิตของตนลงในที่สุด

และเรื่องที่ 2 เล่าว่า โอคิคุ เป็นสาวใช้ของซามูไรนามว่า อาโอยามา เทสซัน แล้วเขาก็นำชุดเครื่องจานราคาแพงจากดัตช์มามอบให้เป็นหน้าที่ของโอคิคุคอยดูแล แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้สั่งให้โอคิคุนำชุดเครื่องจานมาดู ปรากฏว่า เครื่องจานที่ต้องมี 10 ใบ เหลือแค่ 9 ใบ

ทำให้เทสซันโมโหจัดจนฆ่าเธอเองกับมือ แล้วโยนศพทิ้งลงบ่อน้ำ หลังจากนั้นตอนกลางดึก ณ บ่อน้ำในปราสาทนั้นเอง จะปรากฏร่างสีขาวซีดของโออิคุอยู่ข้างบ่อน้ำ แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มมีเสียงนับจานช้าๆ จนถึงใบที่ 9 เธอก็จะเริ่มร้องไห้ ส่งเสียงโหยหวนจนชวนขนลุก เป้นแบบนี้ทุกคืน จนกระทั่งอาโอยามา เทสซันเสียสติ เป็นบ้าไปในที่สุด

เป็นยังไงกับบ้างทุกคน 5 เรื่องที่เรารวมรวบมาคงจะถูกใจคนชอบเรื่องสยองขวัญกัน ถ้าใครไม่ขนลุกตอนอ่านนะแสดงว่าคุณต้องใจแข็งมากๆแน่ เพราะตอนนี้เรายังไม่หายขนลุกเลย

อยากรู้เรื่องหุ้นมาคุยกับเรา ด้วยสถานการณ์ในช่วงนี้ทำให้ ภาวะตลาดหุ้น ผันผวนอย่างมาก ใครที่จะลงทุนอะไรตอนนี้คงต้องคิดให้ดีหน่อย ก่อนที่ขาดทุนโดยไม่รู้ตัว หรือมาติดตามเรื่องหุ้นกับเราได้ เพื่อให้คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการลงทุน

เรื่องสยองใกล้ตัวคุณ : สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ เชียงราย

Related Posts