มันอยู่บนตึก เรื่องราวที่เราได้นำมาเสนอครั้งนี้เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่านฝั่งธน ผู้เล่าเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ วันนั้นเขาเรียนตอนเวลาห้าโมงเย็น เป็นตึกวิทยาศาสตร์ มีอยู่แปดชั้น ชั้นที่ 3 มีไว้สำหรับเด็กดอง และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้
ลักษณะห้องเรียนที่ชั้นสาม ถ้าเดินออกมาจากลิฟท์ ด้านซ้ายและขวามือ จะเป็นพวกโหลเด็กดอง กับพวกอวัยวะดอง ตรงเข้ามาจะมีโต๊ะไม้ยาว ไว้ให้สำหรับนักศึกษานั่งผมมาถึงตึกกับแฟน ก็ได้โทรหาเพื่อนว่าอยู่ที่ไหนกันแล้ว เพื่อนก็บอกว่าอยู่ชั้นสามกันแล้ว ผมก็เลยเดินขึ้นลิฟท์กับแฟนสองคน พอถึงชั้นสาม ผมไม่เห็นโต๊ะไม้ ที่ปกติจะตั้งอยู่กับที่ ผมก็เอะใจ เพราะมันเป็นโต๊ะที่หนักมาก ถ้าไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ก็ไม่น่าจะสามารถเคลื่อนย้ายมันได้
ผมก็เดินออกมาจากลิฟท์ แต่มีความรู้สึกว่า วันนี้อากาศเย็นมาก เย็นกว่าปกติ และเงียบมาก ให้ความรู้สึกอึดอัดมาก พอเดินเข้าไปก็ไม่เห็นใครเลย แฟนก็บอกว่า สงสัยจะอยู่ชั้นสี่กัน จึงเดินกลับเข้าลิฟท์ แต่ปรากฏว่ากดลิฟท์ไม่ติด ก็เลยต้องเดินขึ้นทางบันไดแทน
พอไปถึงชั้นสี่ ก็ยังไม่เจอใครเหมือนเดิม และรู้สึกอึดอัดมากขึ้น จึงคุยกับแฟนว่าลองลงไปอยู่แถวๆชั้นหนึ่งดีกว่า ก็เลยเดินลงบันไดมา พอถึงชั้นหนึ่ง ความรู้สึกอึดอัดก็หายไป ผมจึงโทรหาเพื่อนว่าอยู่ที่ไหนกัน เพื่อนบอกว่าอยู่ชั้นสาม ผมก็บอกว่าเมื่อกี้พึ่งขึ้นไปชั้นสาม แต่ไม่เห็นเจอใครเลย เพื่อนก็บอกว่า อยู่ชั้นสามเนี่ยแหละ ขึ้นมาเร็วๆ จะเริ่มเรียนกันแล้ว ผมกับแฟนลองเดินเข้าไปกดลิฟท์อีกที ลิฟท์ก็ใช้งานได้ปกติ แต่คราวนี้มีนักศึกษาขึ้นมาด้วยหลายคน พอลิฟท์เปิดที่ชั้นสาม โต๊ะไม้ยาวกลับตั้งอยู่ที่เดิม และเห็นเพื่อนนั่งอยู่ที่โต๊ะกันปกติ ความรู้สึกเย็นๆ อึดอัดเหมือนรอบแรกที่ขึ้นมา ก็ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ผมกับแฟนงงว่าตอนแรกมันเกิดอะไรขึ้น
ผมลองสังเกตดู แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็คิดว่าน่าจะเป็นเศษขยะ ผมขับรถไปจนถึงสะพานไม้ แล้วจังหวะที่ขับรถขึ้นไป ปรากฏว่าเห็นเด็กตัวเท่าขวดโหลดอง นั่งกอดเข่าแล้วก้มหน้า อยู่ตรงข้างๆราวสะพานไม้
ผมก็มองจนขับรถผ่านไป และเห็นว่าแฟนก็มองตามด้วย จึงถามแฟนว่าเห็นไหม แฟนก็บอกว่าเห็น เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลังสองคนก็บอกว่าเห็นเหมือนกัน ผมแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ตาฝาด รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว จนไม่กล้ามองกระจกหลัง
สักพักมีรถกระบะขับแซงมาทางขวา แล้วปาดเข้าซ้ายที่ข้างหน้ารถของผม ผมเห็นผู้หญิง นั่งอยู่ขอบกระบะหลังรถ แล้วเอาขาหย่อนลงมาข้างหลัง มองหน้าผม แต่กลับไม่มีเท้า ทุกคนในรถเงียบหมด ผู้หญิงที่นั่งอยู่ท้ายกระบะก็ยิ้มให้ผม แต่ลักษณะการยิ้มคือ ยิ้มกว้างจนปากฉีกเกือบจะถึงหู ผมรีบชะลอรถลงเพราะความกลัว ปล่อยให้รถกระบะข้างหน้าทิ้งห่างออกไปก่อน ทุกคนในรถไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ผมขับไปเรื่อยๆ ก็เจอรถกระบะคันเดิมอยู่ข้างหน้า แล้วก็เห็นผู้หญิงนั่งอยู่ท่าเดิม ผมรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาทันที แฟนจึงบอกให้รีบขับแซงไปเลย
ผมจึงเหยียบคันเร่งแซงรถกระบะไป แล้วแฟนก็บอกให้ชะลอ แล้วให้รถกระบะแซงไปอีกรอบ พอรถกระบะแซงขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว ทุกคนเหมือนจะโล่งใจ แต่มีความรู้สึกตะหงิดๆอยู่บ้างว่า แล้วเค้าหายไปอยู่ไหน
ผมหันไปหาแฟน ตาก็เหลือบไปมองกระจกมองข้าง ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงคนนั้น วิ่งตามหลังรถมาติดๆ ทั้งๆที่ผมขับอยู่ที่ประมาณร้อยนิดๆ ผมเสียววาบไปทั้งตัว จึงรีบขับรถไปจนเกือบจะถึงร้านเล่นดนตรี
ผู้หญิงคนนั้นก็หายไป พอมาถึงร้าน ผมก็มานั่งประติดประต่อเรื่องราว หรือว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่บนกระบะกับที่วิ่งตามหลังรถมา จะเป็นคนเดียวกันกับตอนที่ผมเห็นที่หน้าห้องน้ำในตึกเรียน แล้วเด็กตัวเล็กที่อยู่บนราวสะพานจะเป็นลูกของเค้า ตอนที่ผมเรียนในชั่วโมงเรียน ผมอาจจะเผลอทำอะไรไม่ดีลงไปกับเด็กที่อยู่ในโหลดอง แม่ของเค้าจึงไม่พอใจ เลยออกมาเตือน นี่ก็คือเรื่องราวสยองขวัญที่ผมได้เจอมา
ก็จบไปแล้วสำหรับบทความ มันอยู่บนตึก เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เพื่อนๆคนไหนเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้ก็สามารถนำมาเล่าสู่กันฟังได้นะ ด้วยความปรารถนาดีจาก สมัครสล็อตxo เรื่องราวสยองขวัญ